2017 PENANG [MALAYSIA] TRIP ตอนที่ 1 บินลัดฟ้าสู่เมืองมรดกโลก & รีวิว King Power Lounge สนามบินดอนเมือง
ปีนัง [มาเลเซีย] 4 วัน 3 คืน (21-24 July 2017)
เริ่มต้นการเดินทางทริปปีนังประเทศมาเลเซียกันที่สนามบินดอนเมือง (Donmueang International Airport) ทริปนี้เราเลือกสายการบิน AirAsia Thailand บินระยะสั้น ราคาประหยัดค่ะ
21 July 2017
Backpacker ทริปนี้เปลี่ยนจากลากกระเป๋าสวยๆ เป็นแบกกระเป๋าขึ้นหลังสวยๆ ท่องเที่ยวลุยๆ ดังนั้นเราจะไม่โหลดกระเป๋า ไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวที่เคาร์เตอร์ เราจะ Check-in กันที่ตู้ Kiosks ของสายการบิน AirAsia
หลังจาก Check-in ก็ได้ Bording Pass เป็นที่เรียบร้อย เตรียมบินค่ะ
ผ่าน ตม. และสแกนสัมภาระ
ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าของ Blog บินออกนอกประเทศที่สนามบินดอนเมือง บรรยากาศสนามบินดอนเมืองคนจีนเยอะมากค่ะ เจ้าของ Blog คิดว่าเป็นสนามบินจีนซะอีก ดังนั้นหลังจากที่ Shop เบาๆ King Power เราจะไปหาที่เงียบๆ นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องกันค่ะ
King Power Lounge สนามบินดอนเมือง
King Power Lounge สนามบินดอนเมือง เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 ตั้งอยู่ติดกับโซนน้ำหอมเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ (หลังจากผ่าน ตม.และสแกนสัมภาระเดินเลี้ยวซ้ายค่ะ)
ทางขึ้นต้องสังเกตนิดนึงนะคะ จะติดกับบูท Kiehl's และจุดรับของ Duty Free King Power เดินเข้ามาแสดงบัตรสมาชิก King Power พร้อม Passport ให้กับพนักงานต้อนรับที่เคาร์เตอร์ทางขึ้นค่ะ
- บัตรสมาชิก King Power สามารถพาผู้ติดตามเข้าได้ 2 คน รวมผู้ถือบัตรเป็น 3 คน
- บัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วม คิง เพาเวอร์ สามารถพาผู้ติดตามเข้าได้ 1 คน รวมผู้ถือบัตรเป็น 2 คน
เดินขึ้นมาเจอกับบรรยากาศน่านั่งมากๆค่ะ ต่างจาก King Power Lounge สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณ Councourse A
ที่นั่งและผนังฝั่งตรงข้ามบันไดทางขึ้นค่ะ ตกแต่งเป็นแผนที่โลก
มุมอาหาร ในส่วนของผนังตกแต่งได้สวยงาม
มุมอาหาร มีเคาร์เตอร์บาร์ให้นั่ง เป็นอีกบรรยากาศค่ะ
มุมกว้าง ถ่ายจากมุมอาหารค่ะ
ที่นั่งเบาะกว้างขวาง มีช่องเสียบปลั๊กให้ด้วยค่ะ
มาดูมุมอาหารกันค่ะว่ามีอะไรให้ทานเล่นกันบ้าง เริ่มจากด้านซ้ายมือของภาพ เป็นตู้น้ำอัดลม ตู้ติ่มซำ (ในภาพวันที่ใช้บริการมีซาลาเปาค่ะ) ต่อมาเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ซีเรียว ด้านหน้าเป็นตะกร้าขนมปังแผ่น ต่อมาเป็นชั้นขนมเค้ก ชั้นบนเค้กกาแฟ ชั้นกลางเป็นเค้กชาเขียว ชั้นล่างสุดเป็นแตงโมค่ะ
มุมกาแฟ เป็นเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ กดเลือกกาแฟตามต้องการได้เลยค่ะ วันที่เจ้าของ Blog ได้ใช้บริการ มีน้องพนักงานน่ารักๆ ช่วยบริการให้ค่ะ
มาดูแต่ละมุมกันชัดๆค่ะ เริ่มจาก ตู้น้ำอัดลม ตู้ติ่มซำ
น้ำเปล่า น้ำอัญชัน น้ำบ๊วย น้ำเต้าหู้
ซีเรียวและขนมปังแผ่น (ด้านขวาของภาพเป็นเครื่องปิ้งขนมปัง) ด้านบนเป็นแครกเกอร์
ถัดมาชั้นขนมและผลไม้
ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์บาร์ โหลแก้วใส่คุ้กกี้และตู้ป๊อปคอร์น
เช้าๆแบบนี้เราลองท้องกันเบาๆค่ะ Cappuccino กับเค้กกาแฟและเค้กชาเขียวอย่างละชิ้นค่ะ
มาดูบรรยากาศที่นั่งอีกฝั่งค่ะ
ที่นั่งตรงนี้จะมีประมาณ 3-4 โต๊ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์บาร์
ด้านข้างเคาน์เตอร์บาร์ มีหน้าจอบอกเที่ยวบินให้ทราบ นั่งเล่นซักพักใกล้เวลาขึ้นเครื่องบินแล้วค่ะ
เราได้ Bus Gate รอรถบัสไปต่อขึ้นเครื่องค่ะ
ตัดภาพมามื้อกลางวันบนเครื่องบิน เราใช้เวลาบินเพียงแค่ 1 ชม. 30 นาที แต่เพราะเป็นเวลากลางวัน เราเลยสั่งอาหารผ่านหน้าเว็บไซต์ก่อนบิน ด้วยราคาอาหาร + เครื่องดื่ม 100 บาทค่ะ
เราบินกันแพ็กคู่ ลองทานคนละเมนู เริ่มจากข้าวเขียวหวานไก่ (เปิดมาบอกได้เลยว่าคุ้มมาก) เนื้อไก่ล้วนๆ ข้าวหอมมะลิ และโค้ก 1 กระป๋อง
เมนูผัดไทกุ้งสด + โค้ก ราคา 100 บาท
หน้าตาหน้าทานค่ะ แต่รสชาติไม่ค่อยได้ผัดไทเท่าไหร่
โค้กกระป๋องมาพร้อมน้ำแข็งเปล่า 1 แก้วค่ะ
ไม่นานนักเราก็ถึง Penang International Airport
ขาเข้าก่อนผ่าน ตม. เราจะเจอกับบูทขาย Sim Card 4 ค่ายให้เลือกซื้อค่ะ
เราเลือกซื้อ DiGi Sim
แพ็กเกจ 1.8 GB ราคา 30 RM (ประมาณ 235 บาท)
หลังจากซื้อ Sim Card เราก็ลงบันไดเลื่อนเพื่อผ่าน ตม. สแกนกระเป๋าขาออก และหยิบแผนที่ค่ะ
แผนที่สำหรับล่า Penang Street Art และการเดินทางในตัวเมือง George Town พร้อมค่ะ
หลังจากหยิบแผนที่ เดินออกจากอาคารผู้โดยสารและเลี้ยวซ้ายข้ามถนนหน้าอาคารค่ะ เราจะมารอรถบัสประจำทางเพื่อเข้าตัวเมือง George Town
เราเลือกใช้บริการรถบัสสาย 401E การใช้บริการขึ้นประตูหน้า แจ้งคนขับว่าจะไปลงที่ไหน คนขับจะบอกราคาค่าโดยสาร และเราก็นำเงินหยอดลงตู้ รับตั๋วรถบัสจากคนขับค่ะ ส่วนตอนลงรถบัส ลงประตูด้านหลัง
เราจะลงสุดสายที่ Bus Terminal Komtar ราคาค่าโดยสาร 2.7 RM (ไม่มีเงินเหรียญค่ะ เราเลยจ่ายไป 3 RM)
คนแน่นค่ะ ยืนตลอดทางแถมรถบัสขับซิ่งบวกกับถนนเป็นทางโค้งเยอะ อารมณ์ยิ่งกว่ารถเมย์สาย 8 ระยะเวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เราก็ถึงเมือง George Town
ตอนหน้าเราจะพาไปท่องเที่ยว Penang แบบเต็มๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจค่ะ
เริ่มต้นการเดินทางทริปปีนังประเทศมาเลเซียกันที่สนามบินดอนเมือง (Donmueang International Airport) ทริปนี้เราเลือกสายการบิน AirAsia Thailand บินระยะสั้น ราคาประหยัดค่ะ
21 July 2017
Backpacker ทริปนี้เปลี่ยนจากลากกระเป๋าสวยๆ เป็นแบกกระเป๋าขึ้นหลังสวยๆ ท่องเที่ยวลุยๆ ดังนั้นเราจะไม่โหลดกระเป๋า ไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวที่เคาร์เตอร์ เราจะ Check-in กันที่ตู้ Kiosks ของสายการบิน AirAsia
หลังจาก Check-in ก็ได้ Bording Pass เป็นที่เรียบร้อย เตรียมบินค่ะ
ผ่าน ตม. และสแกนสัมภาระ
ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าของ Blog บินออกนอกประเทศที่สนามบินดอนเมือง บรรยากาศสนามบินดอนเมืองคนจีนเยอะมากค่ะ เจ้าของ Blog คิดว่าเป็นสนามบินจีนซะอีก ดังนั้นหลังจากที่ Shop เบาๆ King Power เราจะไปหาที่เงียบๆ นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องกันค่ะ
King Power Lounge สนามบินดอนเมือง
King Power Lounge สนามบินดอนเมือง เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 ตั้งอยู่ติดกับโซนน้ำหอมเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ (หลังจากผ่าน ตม.และสแกนสัมภาระเดินเลี้ยวซ้ายค่ะ)
ทางขึ้นต้องสังเกตนิดนึงนะคะ จะติดกับบูท Kiehl's และจุดรับของ Duty Free King Power เดินเข้ามาแสดงบัตรสมาชิก King Power พร้อม Passport ให้กับพนักงานต้อนรับที่เคาร์เตอร์ทางขึ้นค่ะ
- บัตรสมาชิก King Power สามารถพาผู้ติดตามเข้าได้ 2 คน รวมผู้ถือบัตรเป็น 3 คน
- บัตรเครดิตธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วม คิง เพาเวอร์ สามารถพาผู้ติดตามเข้าได้ 1 คน รวมผู้ถือบัตรเป็น 2 คน
เดินขึ้นมาเจอกับบรรยากาศน่านั่งมากๆค่ะ ต่างจาก King Power Lounge สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณ Councourse A
ที่นั่งและผนังฝั่งตรงข้ามบันไดทางขึ้นค่ะ ตกแต่งเป็นแผนที่โลก
มุมอาหาร ในส่วนของผนังตกแต่งได้สวยงาม
มุมอาหาร มีเคาร์เตอร์บาร์ให้นั่ง เป็นอีกบรรยากาศค่ะ
มุมกว้าง ถ่ายจากมุมอาหารค่ะ
ที่นั่งเบาะกว้างขวาง มีช่องเสียบปลั๊กให้ด้วยค่ะ
มาดูมุมอาหารกันค่ะว่ามีอะไรให้ทานเล่นกันบ้าง เริ่มจากด้านซ้ายมือของภาพ เป็นตู้น้ำอัดลม ตู้ติ่มซำ (ในภาพวันที่ใช้บริการมีซาลาเปาค่ะ) ต่อมาเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ซีเรียว ด้านหน้าเป็นตะกร้าขนมปังแผ่น ต่อมาเป็นชั้นขนมเค้ก ชั้นบนเค้กกาแฟ ชั้นกลางเป็นเค้กชาเขียว ชั้นล่างสุดเป็นแตงโมค่ะ
มุมกาแฟ เป็นเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ กดเลือกกาแฟตามต้องการได้เลยค่ะ วันที่เจ้าของ Blog ได้ใช้บริการ มีน้องพนักงานน่ารักๆ ช่วยบริการให้ค่ะ
มาดูแต่ละมุมกันชัดๆค่ะ เริ่มจาก ตู้น้ำอัดลม ตู้ติ่มซำ
น้ำเปล่า น้ำอัญชัน น้ำบ๊วย น้ำเต้าหู้
ซีเรียวและขนมปังแผ่น (ด้านขวาของภาพเป็นเครื่องปิ้งขนมปัง) ด้านบนเป็นแครกเกอร์
ถัดมาชั้นขนมและผลไม้
ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์บาร์ โหลแก้วใส่คุ้กกี้และตู้ป๊อปคอร์น
เช้าๆแบบนี้เราลองท้องกันเบาๆค่ะ Cappuccino กับเค้กกาแฟและเค้กชาเขียวอย่างละชิ้นค่ะ
มาดูบรรยากาศที่นั่งอีกฝั่งค่ะ
ที่นั่งตรงนี้จะมีประมาณ 3-4 โต๊ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์บาร์
ด้านข้างเคาน์เตอร์บาร์ มีหน้าจอบอกเที่ยวบินให้ทราบ นั่งเล่นซักพักใกล้เวลาขึ้นเครื่องบินแล้วค่ะ
เราได้ Bus Gate รอรถบัสไปต่อขึ้นเครื่องค่ะ
ตัดภาพมามื้อกลางวันบนเครื่องบิน เราใช้เวลาบินเพียงแค่ 1 ชม. 30 นาที แต่เพราะเป็นเวลากลางวัน เราเลยสั่งอาหารผ่านหน้าเว็บไซต์ก่อนบิน ด้วยราคาอาหาร + เครื่องดื่ม 100 บาทค่ะ
เราบินกันแพ็กคู่ ลองทานคนละเมนู เริ่มจากข้าวเขียวหวานไก่ (เปิดมาบอกได้เลยว่าคุ้มมาก) เนื้อไก่ล้วนๆ ข้าวหอมมะลิ และโค้ก 1 กระป๋อง
เมนูผัดไทกุ้งสด + โค้ก ราคา 100 บาท
หน้าตาหน้าทานค่ะ แต่รสชาติไม่ค่อยได้ผัดไทเท่าไหร่
โค้กกระป๋องมาพร้อมน้ำแข็งเปล่า 1 แก้วค่ะ
ไม่นานนักเราก็ถึง Penang International Airport
ขาเข้าก่อนผ่าน ตม. เราจะเจอกับบูทขาย Sim Card 4 ค่ายให้เลือกซื้อค่ะ
เราเลือกซื้อ DiGi Sim
แพ็กเกจ 1.8 GB ราคา 30 RM (ประมาณ 235 บาท)
หลังจากซื้อ Sim Card เราก็ลงบันไดเลื่อนเพื่อผ่าน ตม. สแกนกระเป๋าขาออก และหยิบแผนที่ค่ะ
แผนที่สำหรับล่า Penang Street Art และการเดินทางในตัวเมือง George Town พร้อมค่ะ
หลังจากหยิบแผนที่ เดินออกจากอาคารผู้โดยสารและเลี้ยวซ้ายข้ามถนนหน้าอาคารค่ะ เราจะมารอรถบัสประจำทางเพื่อเข้าตัวเมือง George Town
เราเลือกใช้บริการรถบัสสาย 401E การใช้บริการขึ้นประตูหน้า แจ้งคนขับว่าจะไปลงที่ไหน คนขับจะบอกราคาค่าโดยสาร และเราก็นำเงินหยอดลงตู้ รับตั๋วรถบัสจากคนขับค่ะ ส่วนตอนลงรถบัส ลงประตูด้านหลัง
เราจะลงสุดสายที่ Bus Terminal Komtar ราคาค่าโดยสาร 2.7 RM (ไม่มีเงินเหรียญค่ะ เราเลยจ่ายไป 3 RM)
คนแน่นค่ะ ยืนตลอดทางแถมรถบัสขับซิ่งบวกกับถนนเป็นทางโค้งเยอะ อารมณ์ยิ่งกว่ารถเมย์สาย 8 ระยะเวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เราก็ถึงเมือง George Town
ตอนหน้าเราจะพาไปท่องเที่ยว Penang แบบเต็มๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น