2017 JAPAN TRIP (TOKYO) ตอนที่ 9 ฟูจิซังหล่อจัง (Kawaguchiko Mt.Fuji)

 ตเกียว 7 คืน 8 วัน   (25 March - 1 April 2017 


Day 6 (30 March 2017) 
หลังจากที่เราสแตนบายรอวันที่สภาพอากาศอบอุ่น ท้องฟ้าเปิด ดังนั้นเราจึงตัดสินใจไป Kawaguchiko Mt.Fuji และทริปวันเดย์จึงเกิดขึ้น วันนี้เป็นวันที่เราต้องตื่นเช้า ตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เพราะเราต้องทำเวลาสำหรับขบวนรถไฟไป Kawaguchiko Mt.Fuji และทริปวันนี้จึงเกิด Story ขึ้นมากมายทำให้เราได้จดจำ และเป็นประสบการณ์การเดินทางที่ตื่นเต้น สนุก มัน ฮา และเซงเล็กๆ


Story 1 เริ่มต้นการเดินทางแผนแรกที่วางไว้ เราจะไปขึ้นรถไฟ Chuo Line-Limited Express เวลา 07.08 น. ที่ Kinshicho Station (ไม่ไกลจากอาซากุซะ) โดยเราออกจากที่พักย่าน Asakusa ขึ้นรถเมย์เที่ยวแรกเวลา 06.40 น. และนั่งไปลงที่ป้าย Kinshikoen-Mae หน้าสถานี Kinshicho ซึ่งเรามีเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น เพื่อให้ทันขบวนรถไฟ Chuo Line-Limited Express แต่แล้วเวลาบนท้องถนนก็ทำให้เราพลาดขบวนรถไฟ Chuo Line-Limited Express และถ้าจะขึ้นรถไฟขบวนอื่นที่สถานี Kinshicho จะต้องนั่งต่อหลายสาย ดังนั้นเราเลยเปลี่ยนแผนและลงความเห็นว่า ไปเริ่มต้นใหม่กันที่ชินจุกุ 



Story 2 เริ่มต้นการเดินทางกันใหม่ที่ Shinjuku Station เราซื้อตั๋วรถไฟกันที่เคาร์เตอร์ Information Center ได้รถไฟ Chuo Line-Limited Express ขบวน 08.30 น. แบบไม่ระบุที่นั่ง เพราะแบบระบุที่นั่งรอบนี้เต็มหมดแล้ว ราคาตั๋ว 2,250 เยน เราจะได้ตั๋วคนละ 2 ใบ (1 ใบสำหรับผ่านเข้าชานชาลา และอีก 1 ใบสำหรับให้เจ้าหน้าที่ตรวจบนขบวนรถไฟ) 



(ภาพเบลอไปนิด) จุดหมายปลายทางเราจะลงกันที่ Otsuki Station (บางคนอาจมีคำถามว่าทำไมไม่จองตั๋วล่วงหน้า ที่เราไม่จองล่วงหน้าเพราะเราไม่ต้องการซีเรียสกับการเดินทางและการท่องเที่ยว) 
หลังจากซื้อตั๋วรถไฟเสร็จ เราก็ไปชานชาลาที่ 10 กัน เมื่อลงไปที่ชานชาลา รถไฟเข้าจอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจึงรีบขึ้นรถไฟ แต่เจ้าของบล๊อกเองนั้นเกิดอาการไม่มั่นใจขึ้นมา เพราะเวลานั้นกระชั้นชิดแทบไม่ได้อ่านป้ายอะไรเลย เพื่อความชัวร์เราเลยออกจากขบวนรถไฟและหาเจ้าหน้าที่สอบถามว่าชานชาลานี้ไป Otsuki Kawaguchiko ใช่ไหม แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ใช่ ต้องไปขึ้นชานชาลาฝั่งตรงข้าม (หาป้ายกับเจ้าหน้าที่ยากพอๆกัน และภาษาอังกฤษหายากยิ่งกว่า อ่านกระทู้มาเยอะ มาเจอกับตัวเองเข้าใจเลย)



Story 3 เมื่อข้ามฝั่งไปอีกชานชาลา ถามเจ้าหน้าที่ซ้ำเพื่อความชัวร์ สรุป ชานชาลาเดิมถูกต้องแล้ว พอเราวิ่งกลับมาชานชาลาเดิม รถไฟขบวน 08.30 น. ก็ได้ออกไปแล้ว ซึ่งเวลานั้นอาการเซงก็เกิดขึ้น เพราะเราเตรียมตัวตื่นกันแต่เช้าเพื่อที่จะทำเวลาไปให้ถึง Kawaguchiko Mt.Fuji ให้เร็วที่สุด แต่ความเซงก็เกิดขึ้นไม่นาน เพราะเราสายชิล ไม่ทันก็คือไม่ทัน เราก็ต้องรอรถขบวนถัดไปคือ 09.30 น. ตั๋วรถไฟไม่ได้ระบุเวลามันก็ดีไปอีกแบบ และก็ยังมีคำถามอยู่ในใจ ทำไมเจ้าหน้าที่คนนั้นถึงแจ้งว่าขบวนรถไฟไม่ได้ไป Otsuki นะ (เมื่อไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษ สัญลักษณ์ หรือป้ายบ่งบอก ความสับสนย่อมเกิดขึ้นเสมอ)



รอขบวนถัดไป เราก็หาซื้อของสำหรับทานบนรถไฟ และได้สังเกตุผู้คนที่ชานชาลา จะมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนไทยค่อนข้างมาก เพราะ Otsuki Station จะเป็นสถานีสำหรับเปลี่ยนขบวนรถไฟ Fujikyu Railway เพื่อไป Kawaguchiko Mt.Fuji 

(ขณะรอรถไฟก็ยังมีคนไทยมาถามว่าชานชาลานี้ไปคาวาฟูจิโกะไหม อืมม อารมณ์เดียวกันกับเรา)



ใกล้ถึงเวลา 09.30 น. ขบวนรถไฟก็เข้าเทียบชานชาลา 



รถไฟมาแล้ว เตรียมตัวเลือกที่นั่ง 



เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมรถไฟเพื่อให้บริการ 



ตั๋วของเราเป็นตั๋วแบบไม่ระบุที่นั่ง จะต้องนั่งโบกี้ขบวนที่ 4, 5, 6 
ดูตารางการเดินทางกันซักหน่อยจาก Google Map (ใช้ตลอด เป๊ะเวอร์)



บรรยากาศข้างทาง ขณะออกจากโตเกียว



ทานแซนวิสรองท้องซะหน่อย 



หลังจากทานอาหารเช้ารองท้อง มีสองทางเลือกบนรถไฟ ไม่หลับก็ชมวิวไปตลอดทาง




เมื่อถึง Otsuki Station เราจะเปลี่ยนขบวนรถไฟเป็น Fujikyu Railway



เราซื้อตั๋วรถไฟ Fujikyu Railway กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดูเวลาและให้เราซื้อตั๋วรถไฟ Fujisan Express (รถไฟเพ้นท์รูปฟูจิซังสีฟ้า-ขาว) เพราะคิดว่าเราน่าจะเข้าไปยังชานชาลาทันเวลารถออก 10.49 น. ตั๋วราคา 2,600 เยน (เป็นตัวแบบไป-กลับ) แต่พอเราเข้ามายังชานชาลา รถไฟ Fujisan Express เพิ่งออกไป อื้มมม วันนี้วันอะไรนะ พลาดบ่อยจัง หรือนักท่องเที่ยวเยอะ จึงทำให้กำหนดเวลาไม่ได้ เพราะตอนซื้อตั๋วทุกคนก็เร่งรีบ ออกแนวชุลมุน

(Fujisan Express จอด 4 สถานี คือ Tsurubunka Daigaku Mae - Mt.Fuji station - Fuji-Q Highland – Kawaguchiko)
เมื่อขึ้นรถไฟ Fujisan Express ไม่ทัน เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็ทำหน้าตกใจ แบบอึ้งๆ อารมณ์ประมาณว่า ทำไงดีหละรถไฟออกไปแล้ว จึงให้เราไปขึ้น Fujikyu Railway Local Train แทน (Google Map ซักหน่อย นั่งกันยาวๆ จอดทุกสถานี) 



ใกล้ถึง Kawaguchiko Station เราก็ได้เห็นหิมะที่ยังละลายไม่หมด เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ที่นี่หิมะตก



ท้องฟ้าสดใส ฟูจิซัง เด่นสง่ารอรับเราเลย


ผ่านสวนสนุก ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) เก็บภาพซะหน่อย 



ผ่านสวนสนุก ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland) เก็บภาพซะหน่อย 




ถึงแล้ว Kawaguchiko Station ถึงปุ๊ปก็เจอกับ Fujisan View Express จอดอยู่ 



Kawaguchiko Station



ด้านหน้าสถานี Kawaguchiko เห็นฟูจิซังแจ่มเลย



ป้ายบอกทางไปทะเลสาบ



เรามาถึง Kawaguchiko ช่วงเที่ยงพอดี ก่อนที่เราจะท่องเที่ยวบริเวณทะเลสาบคาวากุจิ เราต้องเติมพลังกันซักหน่อย จากหน้าสถานีเราเดินไปทางซ้ายมือ ผ่านร้านเช่าจักรยาน ผ่าน Lowson เป็นระยะทาง 200 เมตร และเราก็ไปเจอร้านเทมปุระ และร้านอาหารแนวกะทะร้อนที่มีชื่อว่า Tetsuyaki สำหรับมื้อนี้ 4 คน เราแยกกันทานอาหารคนละร้าน



Fuji Tempura Idaten (ฟูจิเทมปุระ)
ร้านนี้มีเมนูให้เลือกทั้งผัก ไข่ เนื้อสัตว์ และมีอาหารเป็น Set ให้คุณได้เลือกทาน ในส่วนของ Set คุณจะต้องบริการตัวเอง นั่นก็คือ ต้องเดินไปตักข้าว ตักซุป และส่วนผสมของน้ำจิ้มเทมปุระเอง ตักเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น ดีตรงนี้แหละ ดีสำหรับคนที่ทานเยอะ (สำหรับเราตัวเล็ก ตักอาหารปริมาณพอดี ไม่ทานเหลือนะจ๊ะ)


เทมปุระกุ้ง เซตนี้รวม Rice & Miso-Soup ราคา 1,700 เยน ประกอบไปด้วย
Big shrimp 3 + Egg + Fugu(fish) + Vegetable 3 = Sweet Potato + Egg plant + Green Pepper 



เทมปุระปลาไหล เซตนี้รวม Rice & Miso-Soup ราคา 880 เยน ประกอบไปด้วย
Anago + Egg + Fugu(fish) + Vegetable 3 = Sweet Potato + Egg plant + Green Pepper


ทานกันเสร็จ อิ่มท้องแทบแตก เราก็เช็คบิลกัน (ราคาอาหารจะรวมภาษีภายหลัง)
หลังจากเช็คบิลมีของแถมด้วยนะ แลกรับกาแฟสดฟรี กับรถขายด้านนอกคนละ 1 แก้ว


Tetsuyaki (อะชิงะระชิโมะ-กุโนะ) 
เทปันยากิเนื้อ กับ สเต็กไก่



หลังจากทานอาหารกันเสร็จ เราก็เดินย้อนกลับมายังสถานี Kawaguchiko ขณะเดินกลับมาเราก็ปรึกษากันว่าจะท่องเที่ยวกันแบบไหนดี ตอนแรกคิดว่าจะปั่นจักรยาน แต่เวลากับระยะทางไม่เอื้ออำนวย เพราะเวลาตอนนี้บ่ายโมงครึ่งแล้ว เราจึงเลือกการท่องเที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุจิด้วย Kawaguchiko Pass (Pass ราคา 1,200 เยน) สามารถใช้ Pass ท่องเที่ยวรอบทะเลสาบได้ 2 วัน และขึ้น Retro Bus ได้ 2 สาย คือ Red-Line & Green-Line 


จุดหมายปลายทางแรกของการเที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุจิ เราจะนั่ง Red-Line ไปลงที่ป้ายสุดท้ายกัน
Bus Stop 22 : Kawaguchiko Shizen Seikatsu-kan (จุดชมภูเขาไฟฟูจิรอบทะเลสาบ) 
มีร้านขายของที่ระลึก ของฝาก กาแฟ และ Soft Cream



วันนี้แดดดีมาก ดีเกินคาด เพราะเรามาถึงทะเลสาบกันช่วงบ่าย ทำให้การถ่ายภาพฟูจิซังยากมาก ถ่ายมาเยอะมากแต่แสงไม่เป็นใจเลย (ภาพไม่สามารถบรรยายความสวยได้เท่าการมองด้วยสายตาตัวเอง)



หลังจากที่หิมะตกและสภาพอากาศปิดหลายวัน วันนี้แดดออก เราเลยได้เห็นคุณลุงมาวาดรูปฟูจิซัง



อีกมุมของ คุณลุงวาดภาพ



สภาพดอกไม้หลังจากเจอหิมะตกปกคลุมบริเวณทะเลสาบ



เดินเล่นถ่ายภาพฟูจิซังกันซักพัก เราก็ไปหา Soft Cream กินกัน ราคาโคนละ 350 เยน



ได้เวลาย้ายโลเคชั่น เราจะย้อนกลับไปยัง ป้ายที่ 18: Kawaguchiko Konohana Art Museum


Retro Bus รูปทรงสมกะชื่อเลย เรโทรบัส Red-Line 



บรรยากาศบนรถเรโทรบัส  แน่นเชียว ช่วงนี้คนมาท่องเที่ยวกันเยอะ โดยเฉพาะคนไทย 



ป้ายที่ 18: Kawaguchiko Konohana Art Museum จุดฮิตสำหรับการถ่ายภาพภูเขาไฟฟูจิริมทะเลสาบ



Kogamasao Memorial Park บริเวณนี้ช่วงที่ซากุระบานจะสวยงามมาก แต่วันที่เราไปมีแต่ก้านซากุระ 
(บริเวณทะเลสาบ ซากุระจะบานเต็มที่ช่วงกลางเดือนเมษายน)



มาถึงแล้วก็ถ่ายรูปรัวๆ อีกซักหน่อย ถ่ายยากเหมือนเดิมเพราะย้อนแสง เวลาตอนนี้บ่ายสามโมงครึ่ง



บริเวณริมทะเลสาบ Kogamasao Memorial Park (ต้นซากุระเรียงราย)



ศาลเจ้าชินโต บริเวณ Kogamasao Memorial Park



ย้ายโลเคชั่นกันต่อ เราจะไปยัง ป้ายที่ 11: Plesure Cruiser / Ropeway Ent. 
พอมาถึงเราก็เห็นคนต่อแถวขึ้นกระเช้ากันยาวมาก ตอนแรกตัดสินใจต่อแถวแล้ว แต่ดูระยะเวลาเราอาจจะไม่ทันไปดู Chureito Pagoda (เจดีย์แดง 5 ชั้น) ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะเวลาตอนนี้คือบ่ายสี่โมงเย็น เราก็เลยได้ถ่ายภาพทานูกิกับกระต่ายย้อนแสงมาเป็นที่ระลึก 



กลับมารอเรโทบัสเพื่อจะไป Kawaguchiko Station แต่รถบัสที่ขับผ่านคนแน่นทุกคัน และไม่สามารถรับผู้โดยสารได้ เราจึงตัดสินใจเดินเท้ากันด้วยระยะทาง 900 เมตร ระหว่างทางเจอกับก้อนหิมะที่ยังไม่ละลาย



เดินมาถึง Kawaguchiko Station เวลาขณะนี้ 16.28 น. อุณหภูมิ 15 องศา (อากาศกำลังดี) การเดินทางไปชม Chureito Pagoda เราจะใช้ตั๋วรถไฟ Fujisan Express ตั๋วเดิมแต่นั่ง Fujikyu Railway Local Train เหมือนเดิมเพราะ Fujisan Express จะไม่จอดที่ Shimoyoshida และรถก็หมดไปแล้วด้วย


ถึงแล้ว Shimoyoshida Station ย้อนกลับมาจาก Kawaguchiko Station 4 สถานี 



ป้ายสถานีมีภาษาไทยด้วยนะ



บรรยากาศ Shimoyoshida Station ยามเย็น



ถ่ายรถไฟฟูจิเป็นที่ระลึกซะหน่อย



ตารางรถไฟ Fujikyu Railway

แผนที่ไป Chureito Pagoda ถ่ายเก็บไว้ซักหน่อย จริงๆเขามีแจกแผนที่การเดินทางนะ (มีภาษาไทยด้วย อย่าลืมหยิบมาหละ)



ระหว่างเดินก็ไปเจอกับทางเท้ารูปเจดีย์แดง ไม่ต้องกลัวหลง



เดินกันยาวๆ 1 กิโลเมตร (เวลาตอนนี้ ห้าโมงเย็นแล้ว )



ถึงแล้ว Chureito Pagoda แต่ยังไม่ถึงยอดเขา ถึงแค่ทางขึ้น เตรียมตัวออกกำลังกายเดินขึ้นเขากัน



มีคนปั่นจักรยานมาเที่ยวด้วย 



เดินขึ้นมาเจอจุดพักครึ่งทาง ถ่ายภาพฟูจิซังยามเย็นกันซักหน่อย



Chureito Pagoda (เจดีย์แดง 5 ชั้น)



เจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) เป็นเจดีย์ห้าชั้น บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida City) และภูเขาไฟฟูจิในระยะไกล เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน (Arakura Sengen Shrine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพปี 1963 จากตัวอาคารหลักของศาลเจ้าต้องขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น  (ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต)  


เจดีย์กับฟูจิซังยามเย็น (17.30 น.)  


เวลาเย็น ท้องฟ้าเริ่มมืด แสงไฟเริ่มเข้ามาแทนที่


วิวเมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida City)


เจดีย์กับฟูจิซังยามเย็น (17.50 น.)


ซากุระต้นเล็กๆ ต้นหนึ่ง กำลังผลิบาน


ซากุระกับเจดีย์แดง



เริ่มมืดแล้ว กลับกันดีกว่า เดี๋ยวไม่ทันรถไฟไป Otsuki Station ขบวน 18.40 น.


บ้านเมืองเขาน่าอยู่จัง 



สถานี Shimoyoshida Station 



ขณะรอรถไฟ ถ่ายรูปสถานีกับฟูจิซังก่อนกลับซักหน่อย


อีกแปป รถไฟกำลังมา


บรรยากาศบนรถไฟยามค่ำ ซึ่งคนแน่นมาจากสถานี Kawaguchiko เราก็ยืนกันไปยาวๆ 40 นาที

Story 4 เมื่อรถไฟ Fujikyu Railway Local Train เข้าจอดยังสถานี Otsuki เวลาขณะนั้นประมาณ 19.20 น. ทุกคนบนรถไฟก็รีบเร่งออกจากขบวน เพราะในเวลาใกล้เคียงกันนั้น รถไฟ Chuo Line-Limited Express ปลายทางชินจุกุจะเข้าเทียบชานชาลาและออกเดินทางเวลา 19.33 น. (เวลาบีบหัวใจอีกแล้ว) เราจึงรีบไปซื้อตั๋วรถไฟกับเจ้าหน้าที่ประจำสถานี เจ้าหน้าที่แจ้งว่าตั๋วแบบระบุที่นั่งเต็มแล้ว เราปรึกษากันว่าเราจะซื้อและวิ่งไปชานชาลากันทันไหม เจ้าหน้าที่ก็ดูนาฬิกา เราเลยตัดสินใจไปรอบนี้แหละ ซื้อตั๋วแบบไม่ระบุที่นั่ง ราคาตั๋ว 2,250 เยน เจ้าหน้าที่ก็รีบออกตั๋วให้เรา เวลาเดียวกันผู้โดยสารคนอื่นบริเวณนั้นก็รีบกันหมด เพราะถ้าไม่ทันขบวนนี้ มีสองทางเลือกคือ ต่อ JR 2-3 ต่อ หรือรอรถไฟ Chuo Line-Limited Express ขบวนถัดไปอีก 1 ชม. พอได้ตั๋วเราก็รีบผ่านประตู และวิ่งข้ามสะพานเชื่อมไปยังชานชาลาอีกฝั่ง ไม่ใช่แค่เราที่วิ่ง กรุ๊ปอื่นๆ ก็วิ่ง พอลงจากบันไดเท้าแตะชานชาลา รถไฟ Chuo Line-Limited Express เข้าเทียบชานชาลาพอดี ประตูรถไฟเปิด ทุกคนก็รีบจับจองที่นั่ง 

การเดินทางวันนี้ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้ สนุก ตื่นเต้น สุดๆ 
(ภาพไม่มีประกอบนะจ๊ะ เวลานั้น เหนื่อย หอบ พักเหนื่อยได้ก็หลับกันยาวจนถึงชินจุกุ)

เราถึง Shinjuku Station เวลา 20.37 น. เป้าหมายแรกหลังออกจากสถานีคือ ไปหาอาหารเย็นกินกัน 
เดินหาร้านอาหารหลายร้าน และมื้อเย็นเหมือนเดิมเราจะแยกกันทานอาหารคนละร้าน 



ซูชิบนสายพาน 150 เยน Ooedo (大江戸 新宿南口店)
ซูชิราคาเบาๆ เห็นแล้วต้องจัด เริ่มต้นจานละ 150 เยน สามารถสั่งเมนูนอกเหนือจากบนสายพานได้ ลูกค้าเต็มร้านเลย ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่น หิวขนาดนี้จะรออะไรหละจ๊ะ



เข้าเมืองตาหลิวต้องหลิวตาตาม สังเกตุคนข้างๆว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง เริ่มแรกอุปกรณ์เครื่องดื่ม จะมีแก้วชาให้คนละ 1 ใบ พร้อมกระปุกใส่ชาวางอยู่ด้านหน้า



วิธีการชงชา ตักชาใส่แก้วแล้วกดน้ำ นี่คือที่กดน้ำร้อนน๊ะจ๊ะ 



เครื่องเคียงสำหรับการทานซูชิ นั่นก็คือ ขิงดอง ขอบอกขิงอร่อยมาก ตักได้ไม่อั้น



อุปกรณ์พร้อม ลุยกันเลย (อย่าลืมเช็ดมือก่อนทานอาหารด้วยนะจ๊ะ)



แซลมอน Salmon



ปลาทูน่า (Maguro) 



เมนูอื่นๆ พอถ่ายมาได้บ้าง เพราะเรากินกันอย่างเดียว






บรรยากาศภายในร้าน



อิ่มแล้วเช็คบิล สองคน 16 จานเบาๆ 2,400 เยน (รวมภาษี)



หลังจากทานอาหารกันแล้ว ยังพอมีเวลาก่อนกลับที่พัก เราจะไปชมวิวโตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ยามค่ำคืน การเดินทางจากชินจุกุ เราจะนั่ง Toei Line สาย Oedo Line จาก Shinjuku Station (E27) ไปลงที่ Akabanebashi Station (E21) ออกจากสถานีเราก็เจอโตเกียวทาวเวอร์เลย 



โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)  หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่มีความสูง 333 เมตร มีความสูงรองจาก Tokyo Skytree ใช้เป็นที่ส่งสัญญาณวิทยุ, โทรทัศน์ และเป็นจุดชมวิวมุมสูงในโตเกียว ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม รูปทรงของ Tokyo Tower ได้รับแรงบันดาลใจมากจากหอไอเฟล ประเทศฝรั่งเศส 

..................................................................................................................................................
หลังจากชมโตเกียวทาวเวอร์ยามค่ำคืนแล้ว เราก็กลับที่พักกัน พรุ่งนี้สายชิลเหมือนเดิม ตอนหน้าเราจะพาไปเดินเล่นย่านอาซากุซะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2016 TAIWAN TRIP ตอนที่ 7 เส้นทางรถไฟสายโรแมนติก "ผิงซี" (Pingxi Line)

2016 TAIWAN TRIP ตอนที่ 9 Part 1 เดินทางไปไต้หวันกับ EVA AIR

2017 PENANG [MALAYSIA] TRIP ตอนที่ 5 เปิดแผนที่ล่า RC : Street Art in Penang ตัวดำคล้ำก็ยอม