2017 JAPAN TRIP (TOKYO) ตอนที่ 7 แหล่งฮิต (Harajuku / Shibuya / Akihabara)

 ตเกียว 7 คืน 8 วัน   (25 March - 1 April 2017 

Day 4 (28 March 2017)
หลังจากที่เราเดินเที่ยวชมศาลเจ้าเมจิกับธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบที่สวนโยโยกิกันแล้ว มีสถานที่สุดฮิตอยู่หนึ่งที่ ที่ใกล้กับศาลเจ้าเมจิ นั่นก็คือ ฮาราจุกุ (Harajuku) แหล่งแฟชั่นสุดฮิตของวัยรุ่นญี่ปุ่น ผู้คนมากมายหลังไหลมาที่แห่งนี้ และสำหรับเรานั้นก็มาเยือนฮาราจุกุเป็นรอบที่สอง เพราะรอบแรกเรามาเยือนฮาราจุกุท่ามกลางสายฝน ฉะนั้นวัยรุ่นอย่างเราก็ต้องมาที่ฮิปๆ ชิคๆ เดินเล่นคลูๆ กันอีกซักรอบ



จากศาลเจ้าเมจิ เดินออกมาด้านนอก ข้ามสะพานทางรถไฟ JR Yamanote Line




ทางซ้ายมือของสะพานจะเป็นสถานีรถไฟ JR Harajuku Station 


หน้าสถานีรถไฟ JR Harajuku Station คนเยอะมาก โดยเฉพาะวัยรุ่น



ซักภาพ ชิคๆ คูลๆ กับถนนหน้า JR Harajuku Station 



เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ของ JR Harajuku Station 



เดินกันต่อไปท่ามกลางฝูงชน คนเยอะมาก เราจะเริ่มต้นเดินเล่นกันที่ Takeshita Street



ถนนทาเคชิตะ-โดริ (Takeshita Street)




ถนนแห่งสีสันแฟชั่น ระยะทาง 350 เมตร มีร้านค้ามากมายให้คุณได้เลือกดู ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางค์ และของกินที่ขึ้นชื่อมากมาย


วันนี้อากาศดีหลังจากที่ฝนตกมาหลายวัน ทำให้คนเยอะมาก แน่นสุดๆ 



บรรยากาศถนน Takeshita Street



แทบจะพูดได้เลยว่าผู้คนที่เดินไปมาย่านนี้เป็น วัยรุ่น ล้วนๆ 



แฟชั่นวัยรุ่นญี่ปุ่น 



เดินเล่นดูของกันตลอดทางจนสิ้นสุดถนนทาเคชิตะ-โดริ เราจะข้ามถนนไป Line Friends Store Harajuku กัน 



ระหว่างจะข้ามถนน เราก็เจอแก๊ง Mario Kart ซึ่งเราสามารถเจอพวกเขาได้หลายๆแก๊งในกรุงโตเกียว (Mario Kart เป็นบริการเช่ารถโกคาร์ทขับท่องเที่ยวในกรุงโตเกียว มาพร้อมชุดมาตคอตตัวละครในเกมส์มาริโอ้ นอกจากนี้ยังมีชุดจากตัวการ์ตูนอื่นๆ อีกมากมาย)



Line Friends Store Harajuku 



มาถึงฮาราจุกุแล้วก็ต้องแวะ Line Friends Store Harajuku กันซักหน่อย ถ่ายรูปกะหมีบราวน์ตัวใหญ่



กระต่ายโคนี่ Cony



Brown อีกซักรอบด้านหน้า Store



บรรยากาศถนนหน้า Line Friends Store Harajuku 



พักขาแปป หลังจากเดินกันมายาวๆ วันนี้จัดแฟชั่นให้เข้ากับแหล่งวัยรุ่น



เดินกันต่อ เราจะไปกินกุ้งล๊อบสเตอร์กันที่ Luke's Lobster



จาก Line Friends Store Harajuku เดินเรียบถนน Meiji Dori จนถึงสี่แยกที่ตั้งของ Tokyo Subway สาย Fukutoshin Line สถานี Meijijingu-Mae Station (F15) เดินเลี้ยวซ้ายระยะทางประมาณ 300 เมตร เข้าซอยนิดหน่อย (ซอยเดียวกับ Reebok CLASSIC Store Harajuku


Luke's Lobster



บริเวณร้าน มีที่นั่งให้ลูกค้านั่งทานกันด้วย



เราสั่ง Lobster Roll (US) ราคา 1,580 เยน (มีเบียร์ด้วยนะ ราคา 500 เยน)



กุ้งล๊อบสเตอร์ เนื้อเน้นๆ เต็มปาก เต็มคำ



กระดาษห่อด้านแรก



กระดาษห่อด้านสอง

กินล๊อบสเตอร์กันพอรองท้อง ฝนก็ตกลงลงมาปรอยๆ อากาศเริ่มหนาว เวลาใกล้เย็น เราไปหาเบียร์ดื่มกันดีกว่าที่นี่เลย COMMUNE 246 (COMMUNE 2nd) เดินจาก Luke's Lobster ประมาณ 800 เมตร เดินตามถนนไปทาง Omote-Sando Station ถึงสี่แยกข้ามทางม้าลาย เดินไปทางซ้ายมืออีกนิดก็ถึงแล้ว



COMMUNE 246 เป็นลานเบียร์ ลานอาหาร สุดฮิป แต่ละร้านจะมีการออกแบบตกแต่งร้านที่เป็นเอกลักษณ์ มาที่นี่มีเบียร์ให้เลือกดื่มมากมาย โดยเฉพาะ Craft Beer 



Blue Moon



Kokage Beer



มา 4 คนก็จัดกันไปเบาๆ เลือกที่นั่งติดฮิตเตอร์กันเลยทีเดียว 



เมนูมื้อเย็น เนื้อย่างกับผักรวมมิตร ซึ่งเรียกว่าอะไรไม่รู้ ฮ่าาา มันก็มารวมๆกันอะนะ



ตามคอนเซ็ป เนื้อ ต้องคู่กับ เบียร์



หลังจากนั่งดื่มเบียร์ชิลๆ และรับไออุ่นจากฮิตเตอร์กันแล้ว ยังพอมีเวลาเดินเล่น ดังนั้นเราจะไปต่อกันที่
ชิบูย่า การเดินทางนั่ง Tokyo Subway สาย Ginza Line จาก Omote-Sando Station (G02) ไปลงที่ Shibuya Station (G01) เดินทางเพียงแค่ 1 สถานี 



ย่านชิบูย่า (Shibuya) 
เป็นย่านช้อปปิ้งแหล่งใหญ่ของโตเกียว แลนด์มาร์คสำคัญที่ใครๆก็ต้องมาเยือนก็คือ ห้าแยกชิบูย่า 



บรรยากาศห้าแยกชิบูย่า 



บรรยากาศห้าแยกชิบูย่า 



บรรยากาศห้าแยกชิบูย่า 



บรรยากาศห้าแยกชิบูย่า 



บรรยากาศห้าแยกชิบูย่า 



แลนด์มาร์คอีกที่ ที่มาแล้วต้องถ่ายรูป นั่นก็คือ รูปปั้นสุนัข ฮาจิโกะ 



เดินเล่นชิบูย่ายามค่ำคืน เราก็ไปเจอ Disney Store ขอแวะเข้าไปหน่อย เพราะทริปนี้เราไม่ได้ไป Tokyo Disneyland เนื่องด้วยเราต้องการมาเดินเล่น และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 



Disney Ufufy 



Disney Ufufy น่ารักสุดๆ เลย ใจละลาย อยากได้ 



Disney Tsum Tsum มีให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมด



Disney Tsum Tsum "Star Wars"



เดินเล่นกันซักพัก เริ่มหิวอีกแล้ว แวะร้านเนื้อย่างกันซะหน่อย เนื้อย่างกันอีกแล้ว เนื้อทั้งวัน


ในส่วนของร้านมีทั้งหมด 2 ชั้น สามารถสั่งอาหารด้านล่าง แล้วขึ้นมานั่งทานชั้น 2 ได้



หน้าร้าน สั่งอาหาร จ่ายเงิน ตรงนี้เลย



เมนูป้ายไฟด้านบน


เมนูป้ายไฟแบบตั้งและราคา เมนูมีติดทุกมุมของหน้าร้าน


มีตัวอย่างเนื้อย่างโชว์ให้เห็นกันด้วย





ย่างกันให้เห็นๆ 



ขึ้นไปนั่งทานชั้น 2 กันดีกว่า และแล้วเนื้อก็ต้องคู่กับเบียร์ เหมือนเดิม 



หลังจากทานเนื้อย่างเสร็จ เราก็เดินเล่นย่านชิบูย่ากันอีกซักนิดก่อนกลับ ABC-MART มีทุกที่จริงๆ



ร้านค้าเริ่มปิดกันแล้ว เพราะตอนนี้เวลา 22.00 น. พรุ่งนี้เราจะไปย่านอากิฮาบาระกัน
...................................................................................................................................................................

Day 5 (29 March 2017)



ย่านอากิฮาบาระ (Akihabara) 
ย่านนี้นิยมเรียกว่า อกิบะ (Akiba) ตั้งอยู่ใจกลางโตเกียว มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ไอที โมเดล อนิเมะ มังงะ การ์ตูน เมดคาเฟ่ต์ ถนนเส้นหลักของย่านนี้คือ ชุโอะ โดริ (Chuo Dori)


การเดินทาง Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line นั่งไปลงที่ Akihabara Station (H15)



Gundam Cafe & Bar ข้างๆติดกันเลยคือ AKB48 Café



บรรยากาศ อากิฮาบาระ ยามเย็น ถนนอานิเมะจริงๆ


ตู้กาชาปอง


หมุนกันไปเพลินๆ หมดกันไปเท่าไหร่


หมุนๆ ลุ้นๆ


หมุนกันมัน เต็มมือ เต็มกระเป๋า


หมุนกาชาปองกันจนหิว มื้อเย็นของวันนี้ เราจะไปนั่งร้านแนว Izakaya กัน

Yamato Izakaya (矢まと 秋葉原店 )


ร้าน Yamato Izakaya กลุ่มคนที่เข้ามารับประทานอาหารส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน ซึ่งหลังจากเลิกงานหนุ่มสาวญี่ปุ่นพนักงานออฟฟิตจะเข้ามาทานอาหาร สังสรรค์กัน


บรรยากาศวันที่เราเข้าไปทานอาหาร โต๊ะเต็มเกือบทั้งหมด เราเลยได้นั่งที่เคาร์เตอร์บาร์ ก็เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่ได้สัมผัส


เมนูภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นเสมอสำหรับเรา และบนโต๊ะอาหารนอกจากจาน ตะเกียบ และผ้าเย็น ก็จะมีการเสริฟออเดิฟด้วย


ออเดิฟที่เสริฟ คุณจะทานหรือไม่ก็ตาม ออเดิฟนี่ก็จะถูกคิดเงินรวมในบิลด้วย
(ออเดิฟถ้วยนี้ รสชาติเหมือนลูกชิ้นปลา อร่อยมาก )


มาร้านอิซากายะ ก็ต้องจัดเบียร์นะ พลาดไม่ได้เลย


เบียร์ มีให้เลือกทุกยี่ห้อของญี่ปุ่น


เมนูแรกของเรา มาแบบใหญ่มาก ยากิโซบา (Yaki Soba) ขนาดใหญ่ ราคา 580 เยน (ขนาดเล็ก 390 เยน)


 Ika Ichiyaboshi (Dried Squid) ราคา 480 เยน


Yakitori เราจัดมาลองทานกัน 2 ไม้ Wakadori (Young Chicken meat) ราคาไม้ละ 160 เยน


Set นี้ อลังการงานสร้างมาก Otsukuri 5 syumori (5 Kinds of Fresh Fish) ราคา 880 เยน


ซูมกันให้เห็นชัดๆ


ซูชิเซ็ต


ไก่ทอดคาราเกะ
...................................................................................................................................................................

รับประทานอาหารเย็นเสร็จ เราก็ช้อปปิ้งกันเล็กน้อย แล้วก็กลับไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราจะไป
Kawaguchiko Mt.Fuji

...ตอนหน้า... เราจะไปดูฟูจิซังโชว์ความหล่อกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

2016 TAIWAN TRIP ตอนที่ 7 เส้นทางรถไฟสายโรแมนติก "ผิงซี" (Pingxi Line)

2016 TAIWAN TRIP ตอนที่ 9 Part 1 เดินทางไปไต้หวันกับ EVA AIR

2016 TAIWAN TRIP ตอนที่ 6 มุ้งมิ้งกับกระเช้าเมาคง (MaoKong Gondola)