2017 JAPAN TRIP (TOKYO) ตอนที่ 1 ไปญี่ปุ่นกัน Japan Calling
โตเกียว 7 คืน 8 วัน (25 March - 1 April 2017 )
Day 1 (25 March 2017)
ไปญี่ปุ่นกัน สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวทริปนี้ โปรแกรมหลักอยู่ที่โตเกียว มีเดินทางออกไปชมฟูจิซัง 1 วัน ซึ่งเป็นแบบ One Day Trip และเราจะไม่เดินทางข้ามโซน (เดี๋ยวเก็บหมดรอบหน้าไม่รู้จะไปไหน)
ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 4 คน แบบแพ็กคู่ และเลือกเดินทางกันในช่วงปลายเดือนมีนาคม เพราะสภาพอากาศไม่หนาวจนเกินไป และอาจจะได้เห็นซากุระบาน
เริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทริปนี้เราเลือกบินกับสายการบิน Hong Kong Airlines (HX) ข้อดี Full Service ราคาไม่แพง (10,xxx บาท) ข้อเสีย น้ำหนักกระเป๋า 20 kg. (ซึ่งอาจไม่พอกับนักช๊อป) และเสียเวลาต่อเครื่องนิดหน่อย สำหรับการเช็คอินจะได้ Boarding Pass 2 ใบ (ฺBangkok to HongKong / HongKong to ToKyo Narita) และการโหลดกระเป๋า ทำการ Check Through ไปยังปลายทาง ToKyo Narita
Landing to Hong Kong International Airport เพื่อเปลี่ยนเครื่องเดินทางไปญี่ปุ่นกันต่อ เครื่องออกเวลา 09:05 น. (เวลาฮ่องกง) แต่เราดีเลย์จากเมืองไทยครึ่งชม. จากเวลาที่ต้องรอเปลี่ยนเครื่อง 2 ชม. 10 นาที จึงเหลือเพียงแค่ 40 นาที (ไม่ต้องนั่งรอนาน) แต่ดีเลย์อีกแล้วครับท่าน Take Off 10:00 น. หลับรอเครื่องออกกันเลยทีเดียว
มื้อแรกที่โตเกียว ราเมนชามโตๆ ซดน้ําซุปร้อนๆ
Day 1 (25 March 2017)
ไปญี่ปุ่นกัน สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวทริปนี้ โปรแกรมหลักอยู่ที่โตเกียว มีเดินทางออกไปชมฟูจิซัง 1 วัน ซึ่งเป็นแบบ One Day Trip และเราจะไม่เดินทางข้ามโซน (เดี๋ยวเก็บหมดรอบหน้าไม่รู้จะไปไหน)
ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 4 คน แบบแพ็กคู่ และเลือกเดินทางกันในช่วงปลายเดือนมีนาคม เพราะสภาพอากาศไม่หนาวจนเกินไป และอาจจะได้เห็นซากุระบาน
เริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทริปนี้เราเลือกบินกับสายการบิน Hong Kong Airlines (HX) ข้อดี Full Service ราคาไม่แพง (10,xxx บาท) ข้อเสีย น้ำหนักกระเป๋า 20 kg. (ซึ่งอาจไม่พอกับนักช๊อป) และเสียเวลาต่อเครื่องนิดหน่อย สำหรับการเช็คอินจะได้ Boarding Pass 2 ใบ (ฺBangkok to HongKong / HongKong to ToKyo Narita) และการโหลดกระเป๋า ทำการ Check Through ไปยังปลายทาง ToKyo Narita
ถึงเวลาเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 03:30 น. แต่เครื่องดีเลย์เล็กน้อย Take Off 04:00 น.
สำหรับอาหารบนเครื่อง เที่ยวบินดึกจะเป็นน้ำเปล่าและแซนวิส ซึ่งเวลานั้นการนอนสำคัญที่สุด เพราะเราไม่ได้นอนกันเลย เราเลยไม่ได้ถ่ายรูปอาหาร เที่ยวแบบนี้ต้อง Strong (หน้าไม่แต่งแฟชั่นปิดหน้าต้องมา)
สำหรับอาหารบนเครื่อง เที่ยวบินดึกจะเป็นน้ำเปล่าและแซนวิส ซึ่งเวลานั้นการนอนสำคัญที่สุด เพราะเราไม่ได้นอนกันเลย เราเลยไม่ได้ถ่ายรูปอาหาร เที่ยวแบบนี้ต้อง Strong (หน้าไม่แต่งแฟชั่นปิดหน้าต้องมา)
Landing to Hong Kong International Airport เพื่อเปลี่ยนเครื่องเดินทางไปญี่ปุ่นกันต่อ เครื่องออกเวลา 09:05 น. (เวลาฮ่องกง) แต่เราดีเลย์จากเมืองไทยครึ่งชม. จากเวลาที่ต้องรอเปลี่ยนเครื่อง 2 ชม. 10 นาที จึงเหลือเพียงแค่ 40 นาที (ไม่ต้องนั่งรอนาน) แต่ดีเลย์อีกแล้วครับท่าน Take Off 10:00 น. หลับรอเครื่องออกกันเลยทีเดียว
อาหารบนเครื่อง (ครัวฮ่องกง) รสชาติพอทานได้ เครื่องดื่มมีให้เลือกครบครัน น้ำผลไม้ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ในส่วนของรูปภายในตัวเครื่องเราไม่ได้ถ่ายมา เพราะเราบินกับ Hong Kong Airlines หลายครั้ง Entertainment ครบตามสูตร Full Service (ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เพลินๆ)
นั่งเครื่อง 4 ชม.กว่า ก็ถึง Narita International Airport (Terminal 2) เวลาญี่ปุ่นประมาณบ่ายสองครึ่ง ซึ่งดีเลย์กว่าเวลาที่กำหนดไว้ เราจึงต้องทำเวลากันซะหน่อย เพราะเรานัดกับคนดูแลที่พักเวลา 17.00 น. ผ่านตม. >> รับกระเป๋าเดินทาง >> ผ่านศุลกากร >> ต่อรถไฟเข้าเมืองโตเกียวกันที่ชั่น B1F ทริปนี้เราพักกันที่ Asakusa เราจึงเลือกใช้บริการ Keisei Narita Sky Access ราคา 1,290 เยน
เย็นแล้วเข้าที่พักกัน Clean and Comfortable House Asakusa 2 ที่พักของเราจองผ่าน Airbnb เป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานสมัยใหม่ หลังนี้ 2 ห้องนอน (รวมส่วนกลาง) 1 ห้องน้ำ สามารถพักได้สูงสุด 6 คน แต่เรามากันแค่ 4 คน พักกันไปยาวๆ 7 คืน ราคา 4x,xxx บาท มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ฮิตเตอร์ทำความร้อน ทีวี ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า กระทะ หม้อหุงข้าว จาน ชาม แก้วน้ำ กาน้ำร้อน เตารีด เครื่องซักผ้า (พร้อมอุปกรณ์ซักล้าง) และ ร่ม ซึ่งตลอดทริป ร่มจำเป็นสำหรับการออกไปผจญภัยข้างนอกบ้านอย่างมาก
วันแรกเก็บของแล้วออกมาเดินเล่นกัน สภาพอากาศวันนี้หนาวเย็นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะช่วงปลายเดือนมีนาคม อุณหภูมิน่าจะเลข 2 ตัว แต่สภาพอากาศแปรปรวนทำให้ความหนาวเย็นมาเยือนอีกครั้ง เราจึงเจออุณหภูมิเลขตัวเดียว ดังนั้นเราต้องหาเมนูร้อนๆ เพื่อให้ร่างกายอุ่นกัน
การสั่งอาหารของร้านนี้ เราต้องเลือกเมนูและจ่ายเงินผ่านเครื่องอัตโนมัติ เลือกทานอะไรก็กดกันได้เลยค่าเสียหายแต่ละชาม ประมาณ 700-900 เยน ทำรายการเสร็จนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ เครื่องดื่มคือน้ำเย็น ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นชาอุ่นๆ เป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่สงสัย สภาพอากาศเย็นทำไมคนญี่ปุ่นถึงดื่มน้ำเย็นนะ
ทานราเมนเสร็จ เดินเล่นแถวที่พักดูบรรยากาศโตเกียวยามค่ำคืน
เดินเล่นได้ไม่เท่าไหร่ สู้สภาพอากาศหนาวและลมไม่ไหว กลับที่พักนอนเอาแรงกันดีกว่า พรุ่งนี้เราจะไปช๊อปปิ้งกัน
หรูหรา
ตอบลบ